
กรุงลอนดอน โรม และกลาสโกว์ เป็นหนึ่งในบรรดา11เมืองที่เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในหนนี้จะมีทีมชาติที่ผ่านจากรอบคัดเลือกเข้ามารอบแบ่งกลุ่มทั้งสิ้น24ทีม ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่11มิถุนายน ถึง11กรกฎาคมปีนี้ หลังจากที่เลื่อนออกมาจากปีที่แล้วเนื่องจากเหตุการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่า โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น6กลุ่ม กลุ่มละ4ทีม แชมป์และรองแชมป์กลุ่มจากแต่ละกลุ่ม รวม6กลุ่มจะผ่านเข้าไปเล่นรอบน็อคเอาท์และจะคัดทีมอันดับสามที่ดีที่สุดอีก4ทีมผ่านเข้ารอบเช่นกัน
ผลการจับสลากแบ่งกลุ่มยูโร2020
กลุ่มA : อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี เวลส์
กลุ่มB : เบลเยี่ยม รัสเซีย เดนมาร์ก ฟินแลนด์
กลุ่มC : ยูเครน เนเธอแลนด์ ออสเตรีย มาซิโดเนียเหนือ
กลุ่มD : อังกฤษ โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก สก็อตแลนด์
กลุ่มE ; สเปน โปแลนด์ สวีเดน สโลวาเกีย
กลุ่มF : เยอรมัน ฝรั่งเศส โปรตุเกส ฮังการี



Euro2020 จัดขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งที่16 จะเริ่มตั้งแต่วันที่11มิถุนายนจนถึงวันที่11กรกฎาคม ปีนี้ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบ60ปีของการแข่งขัน ทีมผู้จัดได้เลือกเมือง11เมืองทั่วทวีปยุโรปให้เป็นเจ้าภาพ 12เมืองและสนามกีฬา ได้แก่
กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ เตะกันที่ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า , กรุงบากู ประเทศอาเซอไบจาน เตะที่สนามกีฬาโอลิมปิก , เมืองเซบีย่า ประเทศสเปน เตะที่สนามกีฬา Ramon Sanchez-Pizjuan , กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย เตะที่ Arena Nationala , กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เตะที่ Puskas Arena , กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก เตะที่ Parken Stadium , เมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ เตะที่ Hampden Park , กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เตะที่สนามเวมบลีย์ , กรุงมิวนิค ประเทศเยอรมัน เตะที่ อลิอันซ์ อารีน่า , กรุงโรม ประเทศอิตาลี เตะที่ Stadio Olimpico , เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เตะที่ เครสตอฟสกี สเตเดียม สำหรับในนัดแรกสนาม Stadio Olimpico ของกรุงโรมจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันในวันที่11มิถุนายน ในขณะที่สนามกีฬาแห่งชาติอังกฤษเวมบลีย์ จะแข่งในรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศรวมถึงรอบ16ทีมสุดท้าย

การแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม Euro2020
ในแต่ละสนามจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม3นัด ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่11-23มิถุนายน เมืองเจ้าภาพที่ได้รับการจับคู่สำหรับรอบแบ่งกลุ่มได้แก่
กลุ่มA : โรมและบากู กลุ่มB : เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและโคเปนเฮเกน กลุ่มC : อัมสเตอร์ดัมและบูคาเรสต์ กลุ่มD : ลอนดอนและกลาสโกว์ กลุ่มE : เซบีย่าและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กลุ่มF : มิวนิคและบูดาเปสต์ โดยทุกประเทศเจ้าภาพจะได้เล่นในบ้านอย่างน้อยสองเกมในรอบแบ่งกลุ่ม หากทั้ง2ประเทศผ่านเข้ารอบ (เช่น หากอังกฤษและสก็อตแลนด์ผ่านเข้ารอบ พวกเขาถูกจัดอยู่ในกลุ่มD) จะมีการจับฉลากเพื่อตัดสินว่าชาติใดจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มโดยตรง และแต่ละเมืองจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรอบ16ทีมสุดท้ายหรือรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนที่กรุงลอนดอนจะเป็นเจ้าภาพจัดรอบรองชนะเลิศและรอบชิง โดยรอบน็อคเอาท์จะเริ่มตั้งแต่วันที่26มิถุนายนถึง11กรกฎาคม และรอบรองชนะเลิศวันที่6และ7กรกฎาคมที่กรุงลอนดอน และสุดท้ายรอบชิงวันที่11กรกฎาคม ที่กรุงลอนดอนเช่นกัน
เครดิตภาพ : https://bk8theuro.com/
https://www.springnews.co.th/news/810462
www.johancruyffinstitute.com/en/blog-en/sport-management/johan-cruijff-arena-a-smart-stadium/